เล่าปี่ปลูกผักตบตาโจโฉ

กลยุทธ์สยบมหาอำนาจ (20)

เล่าปี่ปลูกผักตบตาโจโฉ
เล่าปี่ปลูกผักตบตาโจโฉ

กลยุทธ์สยบมหาอำนาจ (20) : กลยุทธ์แสร้าทำบอแต่ไม่บ้ากับการลี้ภัยออกจากฮูโต๋ กลยุทธ์ที่ 27 แห่ง 36 กลยุทธ์ ได้แก่กลยุทธ์แสร้าทำบอแต่ไม่บ้า กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ยอมแสร้งทำเป็นโง่ มิเคลื่อนไหว อย่าทำเป็นสู่รู้ทำบู่มบ่ามคำว่า “ดุจดั่งอสนีบาตหยุดฟาดฟัน” เก็บความมาจาก “คัมภีร์อี้จิง หยุด” ความว่า “อสนีบาตฤดูหนาวแฝงกายอยู่ใต้พื้นพสุธา จักแผดร้องก้องนภาคราฤดูใบไม้ผลิ” ซึ่งความหมายว่า ผู้ที่มีสติปัญญามิพึงแสดงตัว แต่พึงเตรียมการทั้งปวงอย่างลับๆ ประหนึ่งคมดาบอยู่ในฝัก มิปรากฏให้เห็น ครั้งเมื่อถึงกาลอันควร ก็จักคำรนคำรามเหมือนสายฟ้า ที่จะกระหน่ำพสุธาให้แตกสลายไปฉะนั้น นี้นับเป็นกลยุทธ์หลอกลวงมึนชาข้าศึก แสดงความบ้าใบ้ทางภายนอก แต่ตื่นตัวโดยตลอดอยู่ภายใน ดำเนินการอย่างลับและพลิกแพลงเพื่อเอาชนะข้าศึกอย่างหนึ่ง

ตังสินลอบเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ตังสินลอบเข้าเฝ้าฮ่องเต้

พระเจ้าเหี้ยนเต้น้อยพระทัยโจโฉเป็นอันมากที่กระทำการข่มเหงพระทัยใน เหตุการณ์ที่เสด็จออกไปล่าสัตว์ จึงเขียนหนังสือลับด้วยพระโลหิต เรียกว่า หนังสือพระโลหิตลับ แอบใส่ในตะเข็บเสื้อ ประทานให้ ตังสิน ขุนนางผู้ใหญ่ที่ตามเสด็จหนีออกจากเตียงอันพร้อมกัน ใจความสำคัญว่า “พระเจ้าเหี้ยนเต้ตกอยู่ภายใต้อำนาจโจโฉ การประกาศพระราชโองการไม่สามารถทำได้โดยพระองค์เอง รวมทั้งโจโฉได้ทำการหมิ่นพระองค์ต่าง ๆ นานา พระองค์ทุกข์ใจมาก ขอให้ตังสินหาทางกำจัดโจโฉ ตังสินได้อ่านจึงร้องไห้สงสารเป็นอันมาก จึงรวบรวมขุนนางที่จงรักภักดีได้อีกห้าคนคือ จูฮก ตันอิบ โงห้วน ม้าเท้งและ เล่าปี่ รวมเป็นหกคน คิดทำร้ายโจโฉ

เมื่อเล่าปี่ลงชื่อร่วมขบวนการแล้ว จึงแสร้งทำเป็นคนสมถะปลูกผักอยู่กับบ้าน โจโฉเห็นผิดสังเกตเลยเชิญเล่าปี่มากินเลี้ยง ณ ตำหนักของตน สนทนากันเรื่องวีรบุรุษของบ้านเมือง เล่าปี่จึงเอ่ยนามผู้ครองแคว้นอย่างอ้วนเสี้ยว อ้วนสุด เล่าเปียว ซุนเซ็ก เตียวฬ่อ เล่าเจี้ยง เตียวสิ้น หันซุย แต่โจโฉกล่าวว่าการเป็นวีรบุรุษต้องสามารถครองใจบุคคลได้ ซึ่งมีเพียงแค่โจโฉและเล่าปี่เท่านั้นที่เป็นได้ เล่าปี่ตกใจมากที่โจโฉสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ลึกซึ้ง ประกอบกับพอดีมีฟ้าผ่าเกิดขึ้น เล่าปี่จึงแกล้งตกใจกลัวเสียงฟ้าร้องทำตะเกียบหล่น เพื่อทำให้โจโฉหายสงสัย โจโฉหลงเชื่อคิดว่าเล่าปี่ใจเสาะกลัวแม้กระทั่งเสียงฟ้าร้องไม่สามารถทำใหญ่ การได้ จึงเลิกระแวงไปพักใหญ่

เล่าปี่โจโฉถกเรื่องวีรชน
เล่าปี่โจโฉถกเรื่องวีรชน

อ้วนสุดเมื่อสถาปนาตนเป็นฮ่องเต้แล้ว เห็นว่าบ้านเมืองตนไม่อุดมสมบูรณ์ขาดแคลนเสบียงอาหาร จึงส่งสารไปหาอ้วนเสี้ยว ณ เมืองกิจิ๋ว พร้อมสัญญาจะยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้อ้วนเสี้ยวอีกด้วย เล่าปี่ทราบความเห็นได้โอกาสที่จะหนีออกจากเมืองฮูโต๋ เพื่อจะได้พ้นภัยโจโฉ จึงอาสายกทหารไปสกัดอ้วนสุดไม่ให้รวมกับอ้วนเสี้ยวได้ ด้วยความชะล่าใจของโจโฉที่เห็นเล่าปี่ไร้ความสามารถจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าน จึงมอบทหารให้แก่เล่าปี่ยกกองทัพไปตั้ง ณ เมืองชีจิ๋ว เมื่อกองทัพอ้วนสุดเดินทัพผ่านเมืองชีจิ๋ว กองทัพเล่าปี่รบชนะกองทัพอ้วนสุด อ้วนสุดเสียชีวิต ทหารโจโฉสามารถยึดตราหยกแผ่นดินได้ และนำไปมอบให้โจโฉ โจโฉไม่วางใจเล่าปี่กลัวว่าจะเป็นภัยแต่ตน จึงหาทางกำจัดแต่ความแตก ทำให้เล่าปี่ยึดเมืองชีจิ๋วเป็นของตน

เล่าปี่หนีออกจากฮูโต๋
เล่าปี่หนีออกจากฮูโต๋

กลยุทธ์นี้สรุปได้ว่า “ยามเมื่อสถานการณ์ไม่เป็นผลดี ควรจะสะกดกลั้นตัวเองไว้ แสร้งทำเป็นโง่เง่า อวดฉลาดยิ่งจะไม่เป็นผลดีแก่ตน นี้เป็นวิธีรู้รักษาตัวรอดอย่างหนึ่งในยามปั่นป่วน คนฉลาดมักจะใช้วิธีการนี้ป้องกันตัวและวางแผนเอาชนะศัตรู คนที่ดูโง่เขลานั้น โดยภายนอกก็อาจจะเห็นเป็นเต่าตุ่น แต่ที่แท้แล้วภายในนั้นคมกริบ รู้เขารู้เรา พึงถอยก็รู้จักถอย มิดันทุรังรุกไปโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ดังนั้นจึงสามารถที่จะเป็นฝ่ายริเริ่มกระทำในการทั้งปวง เพราะเข้าใจในเหตุการณ์อย่างรู้แจ้งแทงตลอด และรอจังหวะที่จะบุกกระหน่ำมิยอมให้ศัตรูตั้งตัวติดตลอดเวลา กลยุทธ์นี้มักจะพบเห็นบ่อยๆ โดยทั่วไป ผู้ใดใช้เป็นด้วยความสันทัดจัดเจน ผู้นั้นย่อมจะได้รับผลสำเร็จ และเป็นผู้ทีน่ากลัวสำหรับฝ่ายตรงข้ามที่มิรู้แจ้งในกล”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *